พลังของกลิ่นหอมของดอกไม้ ซึ่งเป็นกลิ่นหอมอันทรงพลังจากธรรมชาติมีอิทธิพลในการสร้างความสุขภายในจิตใจให้แก่ผู้สูดดม ทำให้รู้สึกถึงความสบาย มีความสดชื่นแจ่มใส รู้สึกปลอดโปร่งและคลายเครียดได้มาก เมื่อมีคนชอบสูดกลิ่นหอมจากดอกไม้ ซึ่งกลิ่นหอมๆ จากดอกไม้ก็จะช่วยให้จิตภายในของมนุษย์มีการผ่อนคลายสบายขึ้น ต่อมาทำให้มีการนำดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมสดชื่นต่าง ๆ มาสกัดเพื่อนำกลิ่นไปใช้ประโยชน์ หรือที่รู้จักกันในทุกวันนี้ว่า “อโรมาเธอราปี”
อโรมาเธอราพีกลายเป็นกลิ่นหอมจากธรรมชาติสู่กลิ่นบำบัด ซึ่งอโรมาเธอราปี (Aromatherapy) ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งถูกค้นพบ เพราะสมัยหลายพันปีก่อนมีการคิดค้นหาวิธีการทำน้ำหอมขึ้นมาเพื่อนำไปใช้บูชาสำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่กลุ่มชนเคารพนับถือ ทำให้มีการสกัดกลิ่นหอมจากดอกไม้เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ ในพิธี จากนั้นก็มีวิวัฒนาการเรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน ที่นอกจากจะมีการนำกลิ่นหอมมาจากดอกไม้ชนิดต่าง ๆ อย่างดอกกุหลาบ ดอกจำปา ดอกมะลิ ดอกลำดวน หรือดอกกระดังงา ฯลฯ แล้ว ยังมีการนำกลิ่นหอมมาจากส่วนต่างๆ ของพืชได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นจากรากไม้หรือเปลือกไม้ รวมถึงเมล็ดพืช ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลิ่นหอมที่เกิดจากผลผลิตทางธรรมชาติทั้งสิ้น
พลังกลิ่นหอมสามารถสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในจิตใจ และจิตวิญญาณของมนุษย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อไหร่ที่ได้สูดกลิ่นหอม จะทำให้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในส่วนลึกว่าห้วงเวลาแห่งความสุขนั้นเป็นเช่นไร เพราะเวลาที่เราสูดดมเอากลิ่นหอมเข้าไป นาสิกสัมผัสของคนเราจะรับเอาพลังกลิ่นความหอมนั้นเข้าสู่โพรงจมูก หรือ “อัลแฟคือรี บัลบื” ที่เป็นจุดรับความรู้สึกของกลิ่น จากนั้นจะเข้าสู่ระบบประสาท ทำให้สามารถสัมผัสได้ถึงความละเมียดในกลิ่นหอมได้ จึงมีผู้นิยมนำดอกไม้ รากไม้หรือใบไม้ที่มีกลิ่นหอมๆ มาวางไว้ใกล้ ๆ ตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นในรถ หรือห้องทำงาน รวมถึงห้องนอนฯ เพื่อให้ความหอมหรือกลิ่นหอมๆ เหล่านั้นช่วยคลายความตึงเครียด และบำรุงจิตใจให้ผ่อนคลายสบายขึ้น
